หลังจากจบ part 1 ไปแล้ว http://salarymanstock.blogspot.com/2014/06/part-1.html
ก็ขอเขียนถึง part 2 ต่อเลยนะครับ
หลายคนที่เลือกหุ้นปันผล วิธีหาหุ้นอันดับแรก ๆ มักจะไปหาข้อมูลหุ้นจากสื่อต่าง
ๆ อาทิ www.siamchart.com (เวบไซต์นี้แนะนำไว้ดูข้อมูลครับ
แถมฟรีด้วย) แต่มักจะดูคร่าว ๆ เพียงแค่ว่าหุ้นตัวนี้ให้ปันผลกี่เปอร์เซ็นต์ และพอเห็นว่ามีตัวเลขที่สูง
เช่น 5% ขึ้นไป ก็จะซื้อหุ้นนั้นในทันที
เพราะเข้าใจได้ว่าปีต่อ ๆ ไปก็จะได้รับเงินปันผลในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งข้อนี้นักลงทุนมักจะลืมคิดไปว่าเปอร์เซ็นต์ที่เห็นมาจากการคำนวนราคาซื้อหุ้นที่เท่าไหร่
ตัวเลขที่ได้มาแต่ละสื่อมีวิธีการคำนวนอย่างไร
เช่น หุ้น OX เมื่อปี 56 อาจซื้อขายกันที่ราคา 100
บาทและจ่ายปันผลออกมา 5 บาท สื่อก็คำนวณว่าปี 56 จ่ายปันผลที่ 5% ต่อมาปี
57 คุณมาหาข้อมูลหุ้นปันผล และคุณมองเพียงแค่ว่าหุ้นตัวนี้ให้ปันผล 5 % คุณก็รีบไปซื้อหุ้น
OX ทันทีที่ราคา 150 บาทโดยไม่ได้ดูข้อมูลว่าเปอร์เซ็นต์ปันผลที่ได้รับนั้นมากจากการคิดคำนวนราคาหุ้นที่ราคาเท่าไหร่ ซึ่งราคาที่คุณซื้อไป 150
บาทนั้นหากปี 57 บริษัทยังจ่ายปันผลที่ 5 บาทเท่าเดิม จะเท่ากับว่าคุณได้เงินปันผลเท่ากับ
3.33%
ข้อนี้ขอรวมหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกันเลยนะครับ
กล่าวคือในปัจจุบันนักลงทุนหน้าใหม่ มักจะหาซื้อหนังสือสอนการลงทุนในหุ้นมาอ่าน ซึ่งบางครั้งเนื้อหาในเล่มก็ไม่ได้เป็นปัจจุบันอาจจะเป็นข้อมูลเมื่อ 5-10 ปีมาแล้ว ทำให้มีนักลงทุนบางส่วนเข้าใจว่า
หุ้นเหล่านั้นยังคงแข็งแกร่ง ยังคงจ่ายเงินปันผล ฯลฯ
จนละเลยในการติดตามอ่านงบการเงินหรือวิเคราะห์กิจการอยู่สม่ำเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น หุ้น SEEK (ชื่อสมมุตินะครับ ^^) เคยเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด
ผูกขาดการจัดจำหน่ายไว้ในมือ มีอำนาจต่อรองมาก
มีเซียนหุ้นคนดังถือหุ้นตัวนี้อยู่และถือมานานมาก แต่แล้วสองปีที่ผ่านมายอดขายเริ่มลดลงจากการคุกคามเข้ามาของเทคโนโลยีต่าง
ๆ และจากที่เคยปันผลทุกไตรมาศก็มีประกาศงดจ่าย
ยอดขาย,รายได้และกำไรเริ่มตกลงทุกไตรมาศ
จากที่ผมยกตัวอย่างไปถ้าเป็นนักลงทุนหน้าใหม่แค่เจอประกาศงดจ่ายปันผลก็คงขายทิ้งกันแต่แรกที่ประกาศเลยทีเดียว
(ซึ่งทำให้ราคาหุ้นตกมาอย่างมาก)
แต่ก่อนจะขายหุ้นนี้ทิ้งอยากให้นักลงทุนทุกท่านวิเคราะห์ถึงปัญหาก่อน จากหุ้น SEEK
ที่ยกตัวอย่างหลังจากอ่านงบการเงินและข่าวสารที่เกี่ยวข้องแล้วจะพบว่า
ยอดขายลดลงมาจากลูกค้าซื้อสินค้าน้อยลงเพราะมีสินค้าทดแทนซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ส่วนปันผลที่งดจ่ายเพราะบริษัทต้องนำเงินไปสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ ถึงตรงนี้นักลงทุนก็จะเริ่มพิจารณาได้เองว่าธุรกิจนี้ยังสามารถกลับมาได้ไหม
ทางบริษัทมีมาตรการรองรับหรือมีสินค้าใหม่ ๆ มาทดแทนรายได้หรือไม่
จะรอผลประกอบการอีกสักไตรมาศหรือครึ่งปีแล้วค่อยพิจารณาขาย หรือขายหุ้นตอนนี้ดี
ส่วนประเด็นที่เซียนหุ้นยังถือหุ้นตัวนี้อยู่หรือไม่นั้นไม่ควรนำมาคิดพิจารณาร่วมด้วยเลย
เพราะเซียนหุ้นท่านนั้นอาจจะซื้อหุ้นตั้งแต่ราคาต่ำมาก ๆ และปัจจุบันก็ได้เงินปันผลคุ้มต้นทุนหุ้นตัวนั้นไปแล้ว
ดังนั้นถ้าเค้าจะถือต่อหรือขายทิ้งก็ไม่แปลกอะไร
ดังนั้นจึงขอสรุปจากข้อ (4) ว่า หุ้นที่ปันผลดีและสม่ำเสมอ
ไม่จำเป็นว่าจะปันผลดีได้ตลอดไป และถ้าหุ้นตัวนั้นอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมตะวันตกดินยิ่งมีโอกาสที่ผลประกอบการจะไม่ดีเหมือนก่อนจึงเป็นสาเหตุให้งดจ่ายปันผล
และที่สำคัญอย่าซื้อตามเซียนควรวิเคราะห์ด้วยตนเองเสมอ (เพราะตอนเซียนขายหุ้นเค้าคงไม่โทรมาบอกคุณแน่นอน)
และก็ขอจบ Part 2 ไว้เพียงเท่านี้ครับ Part หน้าจบแน่อนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น