วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

การประเมินมูลค่าหุ้นแบบง่าย ๆ โดยใช้ PE และ EPS

การลงทุนในหุ้นมีหลากหลายรูปแบบและหลากหลายวิธี 1 ในนั้นก็คือ VI การลงทุนแบบ VI ถ้าให้คำนิยามสั้น ๆ ก็คือการซื้อหุ้นบนราคาพื้นฐาน ซึ่งคำว่าพื้นฐานแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันแม้กระทั่งเซียนหุ้นรุ่นใหญ่ก็มีลงทุนแนว VI ในรูปแบบที่แตกต่างกัน บางคนดูพื้นฐานในอดีตจนถึงปัจจุบัน บางคนดูพื้นฐานและการเติบโตในอนาคต สุดท้ายแล้วมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือ EPS โดยมี PE เป็นตัวกำหนดราคา บทความนี้จะแนะแนวทางประเมินเรื่องหุ้นเติบโตแบบคร่าว ๆ นะครับ

EPS คือกำไรต่อหุ้น หรือผลการดำเนินงานในแต่ละปีหารด้วยจำนวนหุ้น บริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีและสม่ำเสมอ ไม่ค่อยเพิ่มทุน EPS ก็มักจะโตตามไปด้วย การประเมิน EPS ต้องประเมินทั้งปีเนื่องจากมีหลายบริษัทที่สินค้าขายดีเป็นฤดูกาล ทำให้บางไตรมาศกำไรต่อหุ้นลดลงหรือบางไตรมาศกำไรต่อหุ้นสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาศก่อนหน้า การเปรียบเทียบรายไตรมาศควรเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
PE คือ ราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น (กำไรต่อหุ้นในนี้คือ ผลรวมของกำไรต่อหุ้นแต่ละไตรมาศย้อนหลัง 4 ไตรมาศ) PE มักนำมาใช้ในการประเมินหุ้นว่าถูกหรือแพง ยิ่งหุ้นที่มีคนให้ความสนใจสูงมักจะมีราคาที่สูง PE ก็จะสูงตามไปด้วย

>> การประเมินมูลค่าหุ้นเติบโตโดยใช้ EPS และ PE
โจทย์ : สมมุติว่ามีหุ้นชื่อว่า asdf มีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ มีรายได้ทั้งปี 2559 อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท มีกำไรอยู่ที่ 300 ล้านบาท มีหุ้นในบริษัททั้งสิ้น 150 ล้านหุ้น ราคาซื้อขายอยู่ที่ 26 บาท เท่ากับหุ้นตัวนี้มี EPS ของปี 2559 อยู่ที่ 2 บาท และมี PE อยู่ที่ 13 และเมื่อดูข้อมูลย้อนหลังก็พบว่าหุ้นตัวนี้มีค่า PE เฉลี่ยอยู่ที่ 13 PE ต่ำสุดอยู่ที่ 8 PE สูงสุดอยู่ที่ 17 และมีอัตรากำไรต่อรายได้อยู่ที่ประมาณ 5-6 %
แนวโน้มการเติบโต : ใน opp day และ การประชุมผู้ถือหุ้น ทางผู้บริหารบริษัท asdf แจ้งว่าปัจจุบันกำลังขยายสินค้าไปประเทศอาเซียนโดยมีผลการตอบรับที่น่าพอใจ และปัจจุบันกำลังก่อสร้างโรงงานใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2560 โดยโรงงานใหม่แห่งนี้จะได้รับสิทธิทางภาษี BOI ในเดือนเมษายน 2560 ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ปี 2560 อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท และจะยังไม่มีการเพิ่มทุนในช่วง 1-2 ปีนี้แต่อย่างใด
การประเมินเบื้องต้น : หากเป็นไปตามที่ผู้บริหารของ asdf ได้กล่าวไว้คือมีรายได้ 7,500 ล้านบาท เราอาจลบไปเล็กน้อยเผื่อในเรื่องสภาวะเศรษฐกิจที่อาจไม่เป็นใจ โดยปรับเป็นเป้ารายได้อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท และที่ผ่านมาบริษัทนี้มีกำไรต่อรายได้อยู่ที่ 5-6 % เราก็ประเมินที่ต่ำไว้ก่อนคือ 5% ทำให้เราประเมินว่าบริษัทแห่งนี้จะมีกไร 350 ล้านบาทและมี EPS ของปี 2560 อยู่ที่ 2.33 บาท ซึ่งหมายความว่าหากค่า PE ยังเท่าเดิมคือ 13 ราคาหุ้น ณ ปลายปี 2560 (งบปีออกแล้ว) จะเท่ากับ 30 บาท หรือถ้า PE ต่ำสุดตามสถิติเดิมที่ 8 ราคาจะอยู่ที่ 18.60 และถ้าหาก PE สูงสุดตามสถิติเดิมที่ 17 ราคาหุ้นจะอยู่ที่ 39.50 บาท

ลองดูภาพประกอบนะครับ เป็นหุ้นบางตัวที่ผมประเมินราคาไว้และเฝ้าติดตามสม่ำเสมอ ยังไงก็ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ โดยเฉพาะใช้คู่กับวิธีปรับพอร์ตของคุณโยโย่ที่ผมเคยแชร์ไปก่อนหน้านี้

ปล.ขอไม่เปิดเผยชื่อหุ้นนะครับ และ ราคาหุ้นไม่ใช่ราคาล่าสุดนะครับ เป็นราคาหลายวันที่แล้ว
ปล.2 ข้อมูลแนวโน้มรายได้เราอาจดูจากบทวิเคราะห์จากโบรคเกอร์ประกอบ แต่ห้ามเชื่อราคาเป้าหมาย หรือ PE ที่เค้าประเมินมา ให้เราประเมินด้วยตนเองเป็นดีที่สุด (แต่ถ้าหุ้นที่ market cap เล็ก ก็ไม่มีบทวิเคราะห์นะ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น